Last updated: 21 มิ.ย. 2568 | 38 จำนวนผู้เข้าชม |
การสืบสานภูมิปัญญา สู่ผลงานร่วมสมัย
การย้อมเส้นด้ายสีธรรมชาติจาก “คราม” ไม่ใช่เพียงศิลปะในอดีต แต่ยังเป็นสื่อทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงมนุษย์กับธรรมชาติ ตลอดจนสร้างรายได้แก่ชุมชน ผ่านภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาเป็นร้อยปี แต่เมื่อโลกเปลี่ยน แรงงานในชนบทถูกดึงเข้าสู่เมือง งานฝีมือจึงเสี่ยงถูกละทิ้ง อิมปานิ (Impani) จึงลุกขึ้นมาเพื่อจัดการกับปัญหานี้
ผ้าทอที่ไม่ใช่เพียง "ผ้า" แต่คือเรื่องราวของชุมชน
หนึ่งในความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์จากอิมปานิคือ ผ้าทอจากเส้นด้ายย้อมสีธรรมชาติ โดยเฉพาะ “คราม” ซึ่งเป็นสีย้อมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในวิถีชีวิตของชาวไทย การย้อมสีด้วยคราม ไม่เพียงให้สีน้ำเงินเข็มที่งดงามตามธรรมชาติ แต่ยังแฝงไว้ด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่ตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่น
แต่อย่างไรก็ตาม การย้อมสีธรรมชาติและการทอผ้าด้วยมือแบบดั้งเดิม ต้องใช้ระยะเวลานาน และมีกระบวนการซับซ้อน แต่ปลูกคราม → เก็บใบ → หมัก → ย้อม และสุดท้ายก็ทอ แต่ขั้นตอนดังกล่าวใช้เวลานาน ทั้งเรื่องกระบวนการหมักที่ควบคุมเฉดสียาก และขั้นตอนการทอที่ยังใช้แรงงานคน 100% ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์การผลิตในปัจจุบันที่ต้องการความรวดเร็วและปริมาณมากขึ้น อิมปานิจึงมองเห็นช่องว่างนี้ และหาทาง "ประสาน" ความดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมใหม่ เพื่อไม่ให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นสูญหาย พร้อมสร้างตลาดให้ยั่งยืนในโลกสมัยใหม่
เปลี่ยนแนวคิด ให้ครามพร้อม “ทอเครื่องจักรได้จริง”
ด้วยประสบการณ์ด้านการย้อมสีกว่า 50 ปี อิมปานิได้นำความรู้ที่สั่งสมมาร่วมพัฒนางานย้อมเส้นด้ายด้วยมือร่วมกับชุมชน โดยมุ่งเน้นการใช้ ครามแท้จากธรรมชาติ 100% ปราศจากสารเคมี พร้อมส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น ยกระดับฝีมือช่างพื้นถิ่นสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม
เพื่อขจัดปัญหาคอขวดจากการผลิตเส้นด้ายย้อมครามที่ใช้เวลานานและไม่สอดคล้องกับระบบทออุตสาหกรรม อิมปานิจึงจับมือกับนักออกแบบและผู้เชี่ยวชาญในด้านการย้อมสีธรรมชาติ ได้แก่ Jetsada Studio ใต้ตำหนัก และ จุฑาทิพย์ ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับชุมชนที่มีความชำนาญด้านการย้อมครามธรรมชาติ เพื่อพัฒนากระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ละทิ้งคุณค่าของงานหัตถกรรม
การพัฒนาผ้าทอ จากวัตถุดิบ สู่ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ร่วมสมัย
อีกหนึ่งความท้าทายที่อิมปานิพบคือ การนำเส้นด้ายย้อมสีธรรมชาติไปใช้ร่วมกับเครื่องทอผ้าอุตสาหกรรม ซึ่งโดยทั่วไปต้องใช้เส้นด้ายที่มีความแข็งแรงสม่ำเสมอสูง ดังนั้น อิมปานิจึงทดลองปรับ โครงสร้างของผ้า ให้เหมาะสม โดยใช้เส้นใยฝ้าย 55% เป็นเส้นยืน เพื่อความแข็งแรง และเส้นใยฝ้ายย้อมครามธรรมชาติ 45% เป็นเส้นพุ่ง เพื่อสร้างลวดลายที่มีชีวิตชีวา
ผลลัพธ์ที่ได้คือผ้าทอที่ยังคงเสน่ห์ของงานฝีมือแบบดั้งเดิม แต่มีคุณภาพที่เหมาะกับการตัดเย็บในระดับเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดเย็บเป็นผ้าพันคอ เสื้อผ้า กระเป๋า หรือจะขายเป็น “ผ้าธรรมดา” สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการนำไปสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของตนเองต่อ
ทุกชิ้นงานผ่านกระบวนการออกแบบร่วมสมัย ที่ยังคงเคารพต่อแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย พร้อมทั้งตอบโจทย์ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และต้องการสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นที่มีเรื่องราว
เมื่อภูมิปัญญาสีธรรมชาติก้าวสู่อนาคต
อิมปานิไม่เพียง "ย้อมคราม" แต่เป็น สะพานเชื่อม ระหว่างความดั้งเดิมและนวัตกรรม สร้างเส้นทางให้ช่างฝีมือบ้านเกิด พัฒนาไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ โมเดลย้อมมือสู่การทออุตสาหกรรมนี้ จึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือ ทางรอดสู่การอยู่รอดอย่างยั่งยืน ในยุคที่โลกตั้งคำถามต่อสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และแรงงานท้องถิ่น การผสานศาสตร์สีกับนวัตกรรมของอิมปานิ คือ แรงบันดาลใจ ให้เราเห็นว่าของดีจากท้องถิ่นสามารถอยู่รอด และเบ่งบานบนเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ
15 มิ.ย. 2568